วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ที่เที่ยวฝรั่งเศษ

ฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศส หลายคนอาจคิดว่าสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ยาก ด้วยภาษาที่มีเอกลักษณ์และการใช้ชีวิตที่มีรสนิยมหรูหรา จึงไม่แปลกที่ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนมีเงิน ไม่ว่าจะด้วยมนเสน่ห์ของน้ำหอม การซื้อเสื้อผ้า สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ปารีส เป็นจุดชมวิวที่น่าสนใจจนหลายคนอดไม่ได้ที่จะวางแผนจัดทริปเดินทางเพื่อไปชม หอไอเฟล (Eiffel Tower) ก่อสร้างที่ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เมื่อต้องการพักผ่อนหย่อนใจกับที่พักตากอากาศเหล่าดาราชั้นนำมักจะไปที่ โดวิลส์ ที่นี่มีชายหาดและบรรยากาศส่วนตัวและพนักงานคอยบริการเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีร้านค้าให้เลือกช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ของฝรั่งเศส

นอกจากน้ำหอมแล้วฝรั่งเศสยังถือเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม เพื่อส่งออกต่างประเทศจนมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

ปารีส

ปารีส จัดว่าเป็น "นครแห่งแสงไฟ" ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัย ด้วยอิทธิพลของการเมืองการปกครอง การศึกษา บันเทิง วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเคยชินของสภาพอากาศ แต่การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือไปเที่ยวในฤดูกาลใดก็ได้ที่ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว เพื่อความสะดวกในการเดินทางนั่นเอง

สถานที่ท่องเที่ยวในปารีสมีอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ต่างๆ หลายแห่ง แต่จุดที่สนใจที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) ที่เป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ของโลก

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีการรักษาผมให้สวยเงางาม


การสร้างเสน่ห์ให้กับตนเองด้วยการดูแลรักษาร่างกายให้สะอาด ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนที่รักสวยรักงาม วันนี้ Tips สุขภาพ กับ สสส. มีวิธีดูแลผม เสน่ห์อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามมาฝากกันคะ

เริ่มต้นที่คนที่มีปัญหาเรื่องผมแห้ง ซึ่งคนที่มีผมแห้งมักจะมีปัญหาเรื่องการหวีจัดทรงยาก ผมไม่มีสปริงไม่มีน้ำหนักขาดชีวิตชีวา ทำให้หนังศีรษะแห้งและเกิดสะเก็ดรังแคง่าย ลองใช้น้ำมันมะพร้าวผสมกับไข่ไก่ดูสิค่ะ วิธีการทำเพียงใช้น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะตั้งไฟอ่อนผสมกับไข่ไก่ 1 ฟอง (เอาเฉพาะไข่แดง) ตีให้เข้ากัน หลังจากนั้นให้รอจนเย็นแล้วนำไปลูบให้ทั่วศีรษะ นวดด้วยปลายนิ้วให้ทั่วทั้งด้านหน้าจรดท้ายทอย โดยใช้ฝ่ามือขยำๆ ขยี้ๆ ให้ทั่วเพื่อให้ซึมเข้าสู่เส้นผม หลังจากนั้นใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมเอาไว้ หมักทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วสระด้วยแชมพูอ่อนๆ อีกครั้ง ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผมจะนุ่มดูมีน้ำหนักและจัดทรงง่ายขึ้นค่ะ

แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นของไข่ไก่ให้ลองใช้สูตรน้ำมันมะกอกดูก็ได้ค่ะ เพียงนำน้ำมันมะกอกอุ่นๆ 2-3 ช้อนโต๊ะ นำมานวดหนังศีรษะหวีและชโลมเส้นผมให้ทั่ว ซึ่งวิธีการนวดให้นวดเป็นวงกลมเล็กๆ เมื่อนวดจนทั่วศีรษะแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูพันศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นให้สระด้วยแชมพูอ่อนๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมามีสภาพดีได้เหมือนกันค่ะ

ต่อมาสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับรังแคบนศีรษะ เพราะเมื่อไรที่รังแคมาเยือนมักจะมีอาการคันตามมาเสมอ แถมยังสร้างความอับอายขายหน้าด้วยการออกมาโชว์ให้เห็นกันอยู่เสมอๆ ลองใช้สูตรน้ำมะนาว หรือ น้ำมะกรูด กันดูสิคะ วิธีการไม่ยากค่ะเพียงคั้นน้ำมะนาวหรือน้ำมะกรูดที่ผ่านการเผาไฟแล้ว มานวดหนังศีรษะหลังสระผมทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ให้ล้างออก เพียงแค่นี้ก็สามารถช่วยลดเจ้ารังแคออกจากศีรษะได้แล้วละคะ

สำหรับคนที่มีผมอ่อนแอหลุดร่วงง่ายลองใช้ ขิง แก้ผมร่วงดูสิคะ เชื่อได้เลยว่าใช้แล้วปัญหา หัวล้าน จะไม่มาเยือนคุณแน่นอน วิธีการง่ายๆ เพียงนำเหง้าขิงสดมาเผาไฟ ทุบให้แตกผสมน้ำนำไปขยี้ให้ทั่วศีรษะ วันละ 2 ครั้ง ประมาณ 3 วัน หรือนำขิงแก่ 1 เหง้า ขนาดเท่าฝ่ามือมาตำให้ละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบางเป็นลูกประคบ วางบนหม้อประคบที่ต้มน้ำจนเดือด เมื่อลูกประคบร้อนนำไปประคบบริเวณผมร่วง ทำวันละ 2 ครั้ง 20-30 นาที 3-5 วัน จะเห็นผล

ส่วนคนที่มีเส้นผมหยิกหยักศกที่สำคัญยังพบอาการแห้งและฟู ยิ่งถ้าทั้งหยิกและหนาด้วยแล้วล่ะก็จะทำให้ศีรษะดูโต ฟูมากยิ่งขึ้น แต่ถ้ายังชอบผมทรงนี้อยู่ไม่อยากที่จะยืดให้ตรงแล้วละก็หมั่นบำรุงดูแลรักษาด้วยวิธีต่อไปนี้สิคะ นำน้ำกับน้ำมะนาวผสมกันให้เจือจางหลังจากนั้นนำมาชโลมผมหลังจากล้างผมน้ำสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น กรดในน้ำมะนาวจะช่วยให้ไฟเบอร์ในผมยึดเกาะกันได้แน่น ผมจะเรียบ-หวีง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะทำให้ผมดูเงางามได้ค่ะ

ผมมันก็เป็นผมอีกแบบที่มักสร้างปัญหาตามมามากมายทั้งเป็นสะเก็ดรังแค หนังศีรษะคันง่าย การรักษาความสะอาดของเส้นผมจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำได้ แต่ทางที่ดีต้องบำรุงรักษาด้วยไข่ขาวผสมน้ำอุ่นดูสิคะ รับรองอาการมันจะลดลงและหมดไปในที่สุดค่ะ วิธีการคือ ใช้ไข่ขาว 1 ฟองกับน้ำอุ่น ½ แก้วตีให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำไปราดลงบนผมเส้น ใช้มือนวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 8-10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นโดยไม่ต้องสระผมซ้ำ ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผมจะค่อยๆ ปรับสภาพ และหายมันค่ะ

สำหรับคนผมแตกปลาย พบมากในคนที่ชอบทำสีผม การม้วนผมหรือการดัด ตัดซอยด้วยใบมีดโกน หรือในคนที่ต้องใช้ความร้อนกับผมบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งใช้อุปกรณ์ตกแต่งทรงผมอย่างขาดความระมัดระวังก็ตาม วันนี้หมดกังวลได้เลยค่ะ แค่ใช้ไข่ไก่ผสมกับน้ำมันงาและน้ำผึ้ง โดยใช้ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) จำนวน 2 ฟอง ผสมกับน้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ตีผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นใช้น้ำอุ่นราดให้ทั่วศีรษะ แล้วค่อยๆ นำส่วนผสมที่ทำไว้เทลงไปให้ทั่วศีรษะคลุมด้วยผ้าขนหนูชุบกับน้ำอุ่นหมักทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วสระออกด้วยแชมพูอ่อนๆ อีกครั้ง แค่นี้ผมแตกปลายก็จะเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นแล้วละค่ะ

ผมทำสีก็เช่นกันค่ะต้องรักษาดูแลเป็นพิเศษเพราะเป็นสภาพผมที่อ่อนแอที่สุด นอกจากมีอาการแห้งกรอบภายในเส้นผมจะมีรูพรุนอยู่ทั่วไป ที่สำคัญยังเป็นต้นเหตุของปัญหาเส้นผมทั้งผมร่วง แห้ง เสีย หากไม่อยากให้เส้นผมมีอายุการใช้งานสั้นเกินไปลองนำสูตรการดูแลเส้นผมสูตรนี้ไปใช้ดู สูตรน้ำมะนาว วิธีการทำให้นำน้ำมะนาวจำนวน 2 ผลมาคั้นเอาแต่น้ำใส่บริเวณโคนผม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้เป่าผมจนแห้ง วิธีนี้จะช่วยให้สีผมที่ทำมาชัดขึ้นแถมยังบำรุงหนังศีรษะได้ด้วยค่ะ

แต่ทั้งนี้เพื่อให้เส้นผมอยู่กับเราไปนานๆ การเสริมสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเส้นผมจากภายในด้วยการเลือกกินอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมก็จำเป็นเช่นกันค่ะ ซึ่งอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงอย่าง ฟักทอง มะละกอ ตำลึง หรือ

แครอท เหล่านี้จะช่วยให้ผมเงางามและมีน้ำหนักขึ้นได้ แต่ควรเสริมวิตามินซีและอี ธาตุสังกะสี ธาตุเหล็ก จากอาหารจำพวกข้าวไม่ขัดขาว ข้าวสาลี ไข่ ถั่ว นม ธัญพืช ผักผลไม้ และตับ เข้าไปด้วยจะทำให้ผมดูดียิ่งขึ้นได้ ที่สำคัญควรลดการดื่มน้ำอัดลมเพราะทำให้เลือดเป็นกรดและส่งผลให้เส้นผมสูญเสียแร่ธาตุไปในตัวได้คะ

รู้อย่างนี้แล้วหากต้องการมีผมสวยลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะค่ะแล้วคุณจะรู้ ผมสวย” อยู่ใกล้มือคุณนิดเดียว....

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

1 ชีเชนอิตซา



การบวงสรวง ความรู้ (Worship, knowledge)
ตั้งอยู่ที่ เม็กซิโก




2 รูปปั้นพระเยซูคริสต์



การต้อนรับ การเปิดกว้าง (Welcoming, Openness)
ตั้งอยู่ที่ บราซิล




3 กำแพงเมืองจีน



ความมานะ, ความคงทน (Perseverance, Persistence)
ตั้งอยู่ที่ จีน




4 มาชูปิกชู



อารยธรรมชุมชน การอุทิศ (Community, Dedication)
ตั้งอยู่ที่ เปรู




5 เปตรา



วิศวกรรมศาสตร์ การรักษา (Engeneering)
ตั้งอยู่ที่ จอแดนร์




6 โคลอสเซียม



ความสนุก ความทุกข์
ตั้งอยู่ที่ อิตาลี




7 ทัชมาฮัล



ความรัก ความหลงใหล (Love, Passion)
ตั้งอยู่ที่ อินเดีย

ที่เที่ยวทีสวยที่สุดในโลก

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่คู่รัก จะต้องแสดงออกถึงความรักระหว่างกันและกัน การแสดงออกในเรื่องความรัก หมายถึง การทำให้ฝ่าตรงข้ามรู้สึกประทับใจ รู้สึกดี รู้สึกผูกพัน รู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเกิดประโยชน์มากขึ้น วิธีแสดงออกถึงความรัก ที่เป็นที่นิยมอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การได้ใช้เวลาไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกันในสถานที่สวย ๆ เพื่อเพิ่มความโรแมนติก และกระชับสายสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นไปอีก


ต่อไปนี้คือ 10 อันดับสถานที่ ที่ถูกจัดว่า มีความโรแมนติกมากที่สุดในโลก ซึ่งน่าจะหาโอกาสพาคนรัก ไปเยี่ยมชม สักครั้งหนึ่งในชีวิต



ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 10. Colmar ประเทศฝรั่งเศส เมือง Colmar ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง Colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศ ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมืองColmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 9. Paris ประเทศฝรั่งเศส เมืองปารีส มีสมญานามว่า สวรรค์แห่งความโรแมนติก” (Heaven of Romantic) ดังที่ สถานที่แห่งนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่คุณและคนรัก จะสารภาพรักนิรันดร์ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมืองปารีส อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ Le Louvre (พิพิธภัณฑ์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก) หอไอเฟล ,โรงแรม Disney Land Resort ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Centre Pompidou และสถานที่สวยงามอื่น ๆ อีกมากมาย การไปเที่ยวกับคนรักที่ปารีส หากจัดสรรเวลาให้ดีก็จะคุ้มค่ามาก และสถานที่แห่งนี้จะเก็บความโรแมนติกอยู่ในใจของคุณไปอีกนานแสนนาน

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 8. Venice ประเทศอิตาลี หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ที่จะเอ่ยกับคนรักว่า เขาหรือเธอ เป็นคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต Venice ก็คือ คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ! เมือง Venice มีชื่อเสียงโด่งดังในด้าน สุดยอดสถาปัตยกรรม และยังมีหลายสถานที่โรแมนติก เช่น สะพานเก่าแก่Ponte dei Sospiri, จตุรัส Piazza San Marco ที่ได้รับสมณานามว่าห้องจิตรกรรมของยุโรป” (The - drawing room of Europe) และคลองในตัวเมือง “Canale Grande” ทั้งหมดนี้จะสร้าง ความโรแมนติก ระดับหรูหรา ให้กับคนรักและตัวคุณ

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 7. Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี สถานที่ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมืองSchlossNeuschwanstein มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 6. Vienna ประเทศออสเตรีย เมือง Vienna ในประเทศออสเตรีย เป็นอีกสถานที่ที่มีคู่รักจากทั่วทุกมุมของโลก แวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงาม สิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ สุดยอดสถาปัตยกรรม และสุดยอดผลงานเพลง, ศิลปะ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พระราชวัง Schoenbrunn, พระราชวัง Belvedere, พระราชวัง The Hofburg Imperialและพิพิธภัณฑ์นักจิตวิทยาผู้โด่งดัง Sigmund Freud

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 5. Monte Carlo ประเทศโมนาโค เมือง Monte Carlo ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โรแมนติก ที่คุณจะได้สื่อความรัก ไปยังคนรักของคุณ เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนของเทือกเขาแอลป์ และเป็น สถานที่ที่มีเรื่องราวของความรัก ก่อกำเนิดขึ้นมากมาย สิ่งที่น่าสนใจของเมือง Monte Carlo คือบ่อนคาสิโนเลื่องชื่อ (Monte Carlo Casino) พิพิธภัณธ์ทางทะเล, พิพิธภัณฑ์ประจำชาติ และพระราชวัง Prince

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 4. Prague สาธารณรัฐเช็ก อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒนธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง Prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง Mozart และมีชื่อเสียง ในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รักสามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 3. New York ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติกในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟ Grand Central Terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่ Central Park (มีกิจกรรมคอนเสิร์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 2. Cairo ประเทศอียิปต์ เมือง Cario ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสวรรค์บนโลกเช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะสำหรับคู่รัก) ความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวเมือง คือแรงดึงดูด ให้คู่รักเดินทางมาใช้เวลาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยกัน และปิรามิด ก็คือสิ่งที่พิเศษที่สุด ท่ามกลางความสวยงามในตัวเมือง

ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ที่ท่องเที่ยวโรแมนติก
อันดับที่ 1. Mauritius Island มหาสมุทรอินเดีย สถานที่แห่งนี้ ได้รับการกล่าวขานว่าปลายทางสุดท้าย ที่โรแมนติกมากที่สุด” (Ultimate Romantic Destination) เกาะ Mauritius มีชื่อเสียง อย่างมาก ในหมู่คู่รักที่จะมาท่องเที่ยว หรือคู่รักที่จะมาฮันนีมูน ต้นปาล์มมากมายที่เคลื่อนที่พริ้วไหว ไปตามสายลม บรรยากาศที่สวยงามตามธรรมชาติ แนวหินปะการัง และท้องทะเลสีฟ้า เป็นส่วนหนึ่งในอีกหลาย ๆ สิ่ง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน

วิธีทำไอศครีม



วิธีทำไอศครีม

ไอศครีมมกะทิสด

ส่วนผสม

มะพร้าวขูดขาว 1000 กรัม

น้ำเปล่า 800 กรัม

น้ำตาลทรายขาว 195 กรัม

หน้ำตาลทรายขาว 195 กรัม

หางนมผง 100 กรัม

แป้งข้าวโพด 4 กรัม น้ำ 150 กรัม

วิธีทำ

....คั้นมะพร้าวขูดกับน้ำ 800 กรัม ให้ได้น้ำกะทิประมาณ 1,050 กรัม ผสมน้ำกะทิกับน้ำลงในหม้อสแตนเลส ยกขึ้นตั้งไฟให้ได้อุณหภูมิประมาณ 55 องศาเซลเซียส ผสมส่วนผสมที่เป็นของแข็งทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วค่อยๆ โรยลงบนน้ำกะทิคนให้ทั่วๆ ขณะโรย จนส่วนผสมละลายหมด อุ่นให้ได้อุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส นำเข้าเครื่องปั่น ปั่นด้วยความเร็วสูงสุดนาน 1 นาที เพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกันหลังจากนั้น เทใส่หม้อสแตนเลส ยกขึ้นตั้งไฟ พาสเจอร์ไรซ์ที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส นาน 2 นาที เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำเย็นให้เย็นทันทีจากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นนานอย่างน้อย 2 ช . ม . หรือข้ามคืน ปั่นด้วยเครื่องปั่นไอศครีม จะได้ไอศครีมกะทิน้ำหนักประมาณ 1500 กรัม ...

ไอศกรีมส้ม

ส่วนประกอบ

น้ำส้ม 500 มิลลิลิตร

นมพร่องไขมัน 1 ลิตร

น้ำตาล 1 ถ้วย

หางนมผง 4 ช้อนโต๊ะ

ไข่ขาว 2 ฟอง

ส่วนประกอบสำหรับทำซอสส้ม

น้ำส้ม 280 มิลลิลิตร

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา

เนื้อส้ม 1 ผล

วิธีทำ

เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญแท้ๆ

....เทน้ำส้ม 500 มิลลิลิตร ลงในหม้อเคลือบ ที่ไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำส้ม เคี่ยวด้วยไฟแรง จนกระทั่งลดลงเหลือ 3 ใน 4 พักไว้ให้เย็นเทน้ำตาล ( โดยเหลือ เก็บไว้ 2 ช้อนโต๊ะ ) นม และนมผงลงในกะทะก้นหนา เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ค้นอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งน้ำตาลละลาย นำขึ้นจากเตาพักไว้ให้เย็นในขณะนี้ ก็เตรียมทำซอสส้ม โดยผสมน้ำส้ม น้ำผึ้ง และเนื้อส้ม เข้าด้วยกันในกะทะแบน เคี่ยวด้วยไฟอ่อน เป็นเวลา 1-2 นาที ละลาย แป้งข้าวโพดในน้ำเย็น แล้วเทลงในส่วนผสมทำซอสเพื่อให้ซอสข้น จากนั้นนำขึ้นจากเตาแล้วพักไว้ให้เย็นเทส่วนผสมนม ที่พักไว้ลงในเครื่องปั่นไอศกรีม แล้วปั่น ในขณะนี้ให้ตีไข่ขาวในชามอีกจนขึ้นแล้วเติมน้ำตาลที่เก็บ ไว้ลงไปแล้วตีต่ออีกประมาณ 1 นาที แล้วพักไว้ เติมน้ำส้มที่เคี่ยวไว้แล้ว ลงไปผสมกับนมใน เครื่องปั่นไอศกรีม ปั่นไอศกรีมต่อจนกระทั่งข้น เติมไข่ขาวที่ตีให้ขึ้นไว้แล้วลงในเครื่องปั่นไอศกรีม แล้วปั่นต่อจนกระทั่งเข้ากัน เสร็จแล้วตักไอศกรีมใส่ภาชนะ แล้วนำเข้าช่องแช่แข็งทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อจะเสริฟ ให้ตักไอศกรีมใส่จานแช่เย็น แล้วราดด้วยซอสส้มที่ทำเตรียมไว้รอบจาน ...

กินช็อกโกแลตแล้วเป็นสิวไหม?



ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับสิว


1. กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น
ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ยืนยันว่า อาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ถั่วทอด พิซซ่า อาหารมัน ๆ น้ำอัดลม ไอศกรีม เป็นตัวกระตุ้นให้สิวขึ้น เคยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกไม่ให้กินช็อกโกแลตเลย อีกกลุ่มให้กินช็อกโกแลต ผลปรากฏว่า ไม่พบว่าอัตราการเกิดสิวในทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยยืนยันว่า อาหารบางชนิดกินแล้วสิวกำเริบก็ควรงดอาหารนั้น ๆ เป็นราย ๆ ไป

2. เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น หรือทำให้สิวกำเริบ
บางคนเชื่อว่า เพศสัมพันธ์ทำให้สิวดีขึ้น ความเชื่อนี้สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งยุโรปโบราณ ที่ว่าการแต่งงานทำให้สิวหายไปได้ แต่แท้ที่จริงผู้ที่แต่งงานแล้วอาจมีสิวหายไป เพราะวัยที่แต่งงานนั้นผ่านพ้นวัยรุ่น จึงเป็นวัยที่พบสิวน้อยลง ในทางตรงกันข้ามบางคนเชื่อว่า สิวจะกำเริบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศชายซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวหลั่งออกมา จึงไม่เกี่ยวกับการเกิดสิว สรุปแล้วเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีส่วนทำให้สิวเลวลงหรือดีขึ้นแต่อย่างใด

3. แสงแดดทำให้สิวดีขึ้น
แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและคล้ำลง ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบและรอยจากการอักเสบ แต่แท้ที่จริงแล้วนอกจากแสงแดดจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ

4. ผิวมันทำให้สิวกำเริบ
สิวไม่ได้เกิดจากผิวมัน แต่เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่บุท่อรูขุมขนที่หลุดออกตามธรรมชาติ ไม่ถูกขจัดสู่ผิวหนังด้านนอก ทำให้เกิดการตกค้าง เมื่อรวมกับไขมันที่ต่อมไขมันสร้างขึ้น จะก่อให้เกิดสิวอุดตัน ฉะนั้น ผิวมันเป็นอาการ แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของสิว

5. การรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี
วัยรุ่นเป็นวัยที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าการรักษาสิวนั้น ยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี เช่น ถ้าใช้ยาทา 2.5% benzoyl peroxide แล้วได้ผล ถ้าเพิ่มความเข้มข้นเป็น 10% ก็น่าจะได้ผลมากขึ้นอีก แต่ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้นตามมาได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ความลับของช็อกโกแลต

ความลับของช็อกโกแลต



http://www.bloggang.com/data/ta-to/picture/1209732891.jpg


มีข้อกล่าวหามากมายเกี่ยวกับช็อกโกแลต อีกทั้งความเชื่อผิดๆ ที่ว่าช็อกโกแลตเป็นบ่อเกิดของสิว เพราะจริงๆ แล้วการเกิดสิวนั้น ไม่มีผลมาจากการรับประทานอาหารชนิดใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ช็อกโกแลตมีคาเฟอีนนั้น จริงๆ แล้ว มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นค่ะโดยอัตราส่วนช็อกโกแลต 1.4 ออนซ์ จะมีคาเฟอีนแทรกอยู่เพียง 6 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับจำนวนของ คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟแบบดีแคฟค่ะ และสำหรับไวท์ ช็อกโกแลตนั้น ไม่มีคาเฟอีนอยู่เลยค่ะ





โดยรวมๆ แล้ว ช็อกโกแลตสามารถเรียกได้ว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างดีทีเดียวนะคะเพราะในต่างประเทศ ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งและลดอัตราการเกิดโรคหัวใจค่ะ เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้น มีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูงฟีโนลิค เป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดค่ะที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วยหล่ะค่ะ






รู้ไหมว่าช็อกโกแลตนั้น สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ต่อมรักได้ด้วยนะคะ
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ช็อกโกแลตมักมีเอี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่เสมอ

http://astro.popcornfor2.com/editor_store/horoscope/tainisai/Chocolate.jpg


ไม่ใช่แค่เพียง การมอบช็อกโกแลตให้กัน ในวันวาเลนไทน์เท่านั้น แต่มีเรื่องเล่าขานกันมาว่า

นายมองเตชูมา นักรบผู้พิชิตแห่งเสปน มักจะดื่มช็อกโกแลตเป็นประจำเสมอ ก่อนไปหาเหล่าภรรยา(หลายคน) ของเขาค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก อย่างที่บอกยังไงล่ะคะ

เป็นเรื่องจริงที่ว่า ช็อกโกแลตทำให้อยากมีเซ็กส์มากขึ้นค่ะ
เพราะในช็อกโกแลตมีสารกระตุ้น ที่มีผลต่อหัวใจ และระบบประสาท
เมื่อรับประทานช็อกโกแลต หัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึก hyper บางทีรู้สึกคึกคัก อยากกระโดดโลดเต้น
อาจจะมึนนิดๆ นี่แหละค่ะ เป็นตัวที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ปรารถนา ที่ค้างคาอยู่ให้โหมขึ้นไงล่ะคะ
อีกทั้งเคยมีคนพูดว่า อารมณ์ตอนทานช็อกโกแลตนั้น เหมือนอารมณ์ตอนตกหลุมรักค่ะ
เพราะร่างกายเราจะหลั่งสารชนิดเดียวกันออกมา
มีข้อต่างกันก็ตรงที่ เราหาซื้อความรักไม่ได้ แต่เราสามารถหาซื้อช็อกโกแลตได้ ถ้ามีร้านค้าอยู่ใกล้ๆ ค่ะ








ประโยชน์อื่นๆ ของช็อกโกแลต
  • ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติค่ะ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย

  • ฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่ง สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียวค่ะ


  • ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน อย่างได้ผลเลยหล่ะค่ะ


  • ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย จะได้เลิกเมาค้าง ข้ามวันข้ามคืนไงคะ


  • ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต

  • เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดงค่ะ


  • ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ


  • มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วยค่ะ


  • ในมิลค์ ช็อกโกแลต อัตราส่วน 1.4 ออนซ์ จะประกอบด้วย โปรตีน 3 กรัม แคลเซียม 5% และธาตุเหล็กถึง 15%

  • โดยเฉพาะช็อกโกแลต ที่ใส่ถั่ว หรืออัลมอนด์ จะมีสารอาหารพวกนี้มากขึ้นตามไปด้วยค่ะ



  • เห็นไหมคะ นี่ขนาดฝรั่งเขายังวิจัย ล้วงความลับ ของช็อกโกแลต กันมาไม่หมดนะเนี่ยเรายังพบข้อดีของช็อกโกแลต ได้มากมายหลายข้อเลยค่ะ เอาเป็นว่า ทานเข้าไปเถอะนะคะ ไม่ต้องกลัวสิว ไม่ต้องกลัวอ้วนกันอีกต่อไปแล้ว ขอแค่รับประทานอย่างพอดีๆ และสำนึกไว้เสมอว่า ช็อกโกแลตเนี่ย อุดมไปด้วยไขมัน และโกโก้ ซึ่งถ้าร่างกายได้รับมากเกินไป จะสามารถเพิ่มปริมาณคอเรสเตอรอลได้ค่ะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี และอย่าตามใจปากมากนัก
  • เพราะการทานอาหารอะไรก็ตาม ในปริมาณที่มากเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาได้ด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ

  • http://www.healthyalberta.com/Images/HE_Is_Chocolate_Good_for_Us.jpg

  • น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ


    น้ำแตงโม
    ส่วนผสม
    เนื้อแตงโม 50 กรัม ( 5 ช้อนคาว)
    น้ำเชื่อม 15 กรัม ( 1 ช้อนคาว)
    เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5ช้อนชา)
    น้ำเปล่าต้มสุก 150 กรัม (10 ช้อนคาว)
    วิธีทำ
    นำเนื้อแตงโม น้ำ น้ำเชื่อม เกลือ ใส่ในเครื่องปั่น นำไปปั้นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ

    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
    คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และวิตามินซี ช่วย ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
    คุณค่าทางยาช่วยขับปัสสาวะ ปากเป็นแผล แก้ร้อนใน แก้ กระหายน้ำ





    น้ำเชอรี่

    ส่วนผสม
    เชอรี่ 100 กรัม (7 ช้อนคาว)
    น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว)
    น้ำเปล่าต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว)
    เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม(1/5 ช้อนชา)
    วิธีทำ
    เลือกเชอรี่เด็ดก้านล้างให้สะอาด นำไปใส่เครื่องปั่นใส่น้ำต้มครึ่งหนึ่ง ปั่นให้ละเอียดนำไปกรองเอาแต่น้ำ นำน้ำเปล่าต้มสุกส่วนที่เหลือใส่ลง ไปคั้นกับกากเชอรี่ให้แห้งมากที่สุดนำน้ำเชอรี่ที่คั้นได้ใส่น้ำเชื่อมเติมเกลือ ชิมรสตามชอบ

    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

    คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินซีสูงมาก ช่วยป้องกันโรคเลือดออก ตามไรฟัน
    คุณค่าทางยาช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง



    น้ำสับปะรด



    ส่วนผสม

    น้ำสับปะรด 240 กรัม (1/4 ผลใหญ่)
    น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว)
    เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนชา)
    วิธีทำ
    นำสับปะรดล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วล้างอีกครั้ง คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

    คุณค่าทางอาหาร มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสมากช่วยบำรุงกระดูก และฟันรองลงมามีวิตามินซีช่วยป้องกันโรคเลือด ออกตามไรฟัน
    คุณค่าทางยาช่วยย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง ลดอาการ อักเสบ บวม ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ช่วยขับ เสมหะ
    __________________



    สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก





    ส่วนผสมครัสท์

    1.เกรมแคร้กเกอร์ (graham cracker) 1 1/2 ถ้วย
    2.น้ำตาลทรายแดง 2 ชต.
    3.เกลือ 1/8 ชช.
    4.เนยละลาย 5 ชต.

    วิธีทำ
    1. ผสมของแห้งทุกอย่างรวมกัน ละลายเนยให้เหลว แล้วเทลงในอ่างแกรมแคร้กเกอร์
    ใช้ไม้พายคนส่วนผสมเข้าด้วยกัน คนไปเรื่อยๆจนกระทั่งส่วนผสมร่วนเป็นทรายไม่เกาะกันเป็นก้อนค่ะ
    2.เอาเนยทาที่ก้นพิมพ์ไว้ก่อนนะคะ พอส่วนผสมเรียบร้อยก็เอามากรุก้นพิมพ์ใช้มือกดๆให้เรียบแน่นหน่อยนะคะ จากนั้นก็เอาพิมพ์นี้ไปใส่ตู้เย็นให้ส่วนผสมแข็งจับตัว กันค่ะ ซัก 10-12 นาที แล้วก็เอาไปอบใช้ไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ อบเสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนค่ะ แล้วเราก็ไปทำตัวชีสเค้กกันก่อนนะคะ

    ส่วนผสมตัวชีสเค้ก
    1.ครีมชีสขนาด 8 ออนซ์ 3ก้อน
    2.น้ำตาล 1 1/4ถ้วย
    3.วานิลา extract 1/4 ชช
    4.ไข่ ทั้งฟอง 3 ฟอง
    5.ไข่แดง 1 ฟอง
    6.เฮฟวี่ครีม 1/3 ถ.
    7.sour cream 1/3 ถ.
    8.ผิวเลมอน หรือใช้แต่ เลมอนแอ๊คแทรคก็ได้ค่ะ 1/4 ชช

    มาเริ่มทำตัวเค้กกันต่อค่ะ..
    1.เอาครีมชีส ต้องวางไว้ให้หายเย็นก่อนนะคะ อุณภูมิห้องตามตำรา ใส่ชามอ่างแล้วตีให้เนียนอย่าตีนานมากเกินไป พอตีเนียนดีแล้ว เอาน้ำตาลใส่ลงไปตีใส่น้ำตาลทีละ 1/3ถ้วยนะคะ ตีไปจนน้ำตาลหมด ใช้พายยางปาดๆขอบอ่างด้วย
    2.ต่อไปใส่ไข่ ใ่ส่ทีละฟองนะคะ ความเร็วของเครื่องที่ใช้ตีนี้ปานกลางค่อนข้างต่ำค่ะ
    3.จากนั้นก็ใส่เฮฟวี่ครีม sour cream วานิลา เลมอนแอ๊คแทรค ตีให้เข้ากันค่ะ ตอนที่ตักส่วนผสมให้เข้ากันนี้ ทำๆหยุดๆด้วยนะคะ ใช้พายยางปาดตรงก้นขึ้นมาด้วย เผื่อมีครีมติดอยู่ก้นโถนะคะ ลืมบอกไปค่ะว่าถ้าหาsour cream ไม่ได้ให้ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ค่ะ
    4.เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็เทใส่พิมพ์ขนาด 9 นิ้ว อย่าลืมทาขอบๆพิมพ์ด้วยเนยนะคะ เอาใส่เตาอบชั้้นกลางของเตาอบ อบนาน 55 นาทีถึง 1 ชม.พออบเสร็จอย่าเพิ่งด่วนเอาชีสเค้กออกจากเตาอบ แค่ปิดเตาอบ แล้วแง้มๆเตาอบเปิดไว้นานประมาณ 1 ชม.ก่อนที่จะเอาเค้กออกมาตั้งข้างนอกให้อยู่ในอุณหภูมิห้องอีกทีนะคะ หน้าเค้กจะได้ไม่แตกค่ะ พอพักไว้เย็นอุณหภูมิห้องแล้วก็เอาใส่ตู้เย็นไว้ ให้เค้กอยู่ตัวอีก อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนจะตัดเค้กมาทานค่ะ


    ว๊าวๆๆๆ เพียงเท่านี้เราก็จามีเค้กน่ารักๆทานกันแล้วนะคะ ใครทำออกมาหน้าตาเป็นยังไง รสชาติถูกปากกันบ้างรึป่าว เอามาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ^^" ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำ สตอร์เบอร์รี่ชีสเค้ก นะคะ สู้ๆ